เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่า ต้องรู้ด้วยว่าหยกสีไหนแพงที่สุด พร้อมปัจจัยที่ส่งผลให้มูลค่าของหยกเพิ่มมากขึ้นได้ พร้อมแนะนำว่านักสะสมต้องทำอย่างไรที่จะช่วยให้ราคาของหยกแพงขึ้นได้บ้าง มาเรียนรู้เกี่ยวกับอัญมณีอันล้ำค่าที่ถ้าหากคุณเกร็งกำไรถูกทางก็จะช่วยให้คุณมีกำไรได้เป็นกรอบเป็นกำ
หยกสีไหนแพงสุดตอบได้เลยว่าคือหยกชนิดเจไดต์ หรือที่เรียกว่าหยกพม่า มีความแข็งตามสเกลของโมส์เท่ากับ 6.5-7 หยกเจดไดต์ถือว่าเป็นหยกหินมีค่าชนิดหนึ่งที่เกิดจากหินแปรที่มีส่วนผสมของธาตุกรดเกลือ อะลูมิเนียม และโซเดียม ทับถมกันหนาแน่น จนเกิดเป็นหินที่มีสีสันต่างๆ มีเนื้อใส และมีหลากหลายสี ซึ่งล้วนแต่เป็นสีที่เกิดจากธาตุโลหะที่แทรกอยู่ในโครงสร้าง หากไม่มีธาตุโลหะปะปนจะมีเนื้อสีขาวบริสุทธิ์และใส โดยธาตุโลหะที่ทำให้เกิดสีในหยกเจดไดต์ที่สำคัญ ได้แก่
นอกจากชนิดของหยกแล้ว สิ่งที่ทำให้หยกมีค่ามากขึ้นนั้น มีปัจจัยหลายอย่าง คือ
หยกแท้ จากธรรมชาติ สี ลาย ไม่สม่ำเสมอ อาจมี ตำหนิธรรมชาติ ทั้งภายนอกและภายใน เช่นลายเส้นสี รอยชั้นหิน รอยแตกภายใน สี ภายใน และภายนอกไม่สม่ำเสมอกัน วิธีตรวจสอบหยกแท้ด้วยตนเอง ในขั้นตอนนี้สามารถทำได้ด้วยตาเปล่าได้
หยกที่แสงส่องผ่านได้มากเท่าไรก็ยิ่งมีมูลค่ามาก ความโปร่งแสงเกิดจาก หยกธรรมชาติมีระดับความใสสูงสุดที่ “กึ่งโปร่งใส” หรือเรียกว่า Semi-Transparent เช่น ความใสในหยก Icy Jade และ Imperial Jade
ความหยาบและละเอียดของผลึกหยก เนื้อหยกยิ่งละเอียดความโปร่งแสงก็เพิ่มขึ้น นั้นหมายถึงการเกาะตัวที่หนาแน่นของผลึกภายในโครงสร้าง
อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสินทรัพย์ที่นอกจากมีความสวยงามให้คุณค่าทางจิตใจ ยังเก็บไว้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้สำหรับคอลเลคชั่นหายากหากมาจากแบรนด์ดังชั้นนำด้วยแล้ว ย่อมเป็นที่ไขว่คว้าของนักสะสมทั่วโลก เมื่อมีของมีค่าอย่างหยกนี้จำเป็นต้องมีการเก็บรักษาอย่างถูกต้องด้วย
รู้กันแล้วว่าหยกสีไหนแพงสุดต่อจากนี้ก็ต้องดูให้ดี ๆ ก่อนที่จะเป็นนักสะสมหรือนักลงทุน ควรมองหา ห้องนิรภัย ดี ๆ เพื่อเป็นห้องลับที่ไว้เก็บอัญมณีเหล่านี้ก่อนที่จะนำออกมาเกร็งกำไร และควรที่จะต้องสะสมเอาความรู้เกี่ยวกับอัญมณีชนิดนี้ให้มาก เพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตว่าหยกที่คุณมีอยู่นั่นจะสามารถขายได้ตามเป้าที่ตั้งใจไว้